อุปกรณ์ตกปลาน้ำจืด
ชนิดของคันเบ็ด (Types of Fishing Rods)
1. คันไม้ไผ่ สมัยเก่า มีหลายขนาด
2. ค้นสปินนิ่ง
3. คันเบทคาสติ้ง
4. คันทอลลิ่ง
5. คันโบตร๊อค
6. คันฟราย
7. คันชิงหลิว
ที่กล่าวมานี้เป็นการเรียกชื่อของแต่ละชนิดของคันเบ็ดที่เห็นกันอยู่ทั่วไป เรามาลองดูซิว่าในแต่ละคันนั้นมีความเป็นพิเศษกันและการใช้อยู่ตรงไหนบ้าง
คันไม้ไผ่
คันเบ็ดอันนี้ คงเป็นที่รู้จักกันดีในวงการตกปลา เรพาะเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า การใช้งานนั้น ก็ใช้ตกปลาได้ทุกชนิด ขนาดก็มีให้เลือกมากขนาด หากวาจะใช้ก็ควรที่จะเลือกให้ถูกกับการตกปลา ปลาเล็กควรเลือกใช้คันที่ปลายอ่อนสักหน่อย เช่น การตกปลาตะเพียนนั้นควรเลือกคนที่ปลายอ่อนแต่ความยานนั้นไม่ควรที่จะต่ำ กว่า 10 ฟุต เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการตกปลาด้อยลงไป ในด้านการที่จะหย่อนสายหรือส่งเหยื่อให้ไกลออกไปในแนวตลิ่งชายฝั่งเพื่อไม่ ให้ปลาเกิดความระแวงมาก
หากจะตกปลาใหญ่เช่นปลาช่อนให้เลือกใช้คันที่มีขนาดใหญ่ ส่วนมากคันเบ็ดที่ใช้ตกปลาช่อนนั้นจะมีการคัดมาเป็นพิเศษ จะมีวางชายกันอยู่ทั่วไปตามร้านขายเครื่องมือประมงแบบเก่า อย่าไปหาซื้อตามร้านอุปกรณ์สมัยใหม่เข้าละ
ค้นไม้ไผ่นั้นเหมาะแก่การตกปลาแบบจำกัด อย่างเช่นปลาสวายหรือปลาที่มีขนาดใหญ่หลายๆ กิโลก็ไม่สะดวกในการที่จะตกปลา แต่จริงๆ แล้วก็ตกได้ ขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้ตกเอง
คันสปริงนิ่ง
อันนี้เป็นที่คุ้นเคยมากต่อบรรดาเซียน ทั้งหลาย คันชนิดนี้ มีหลายขนาดตั้งแต่เล็กไปจนใหญ่ สั้นยาว ระดับความยาวนั้น มีตังแต่ 5 ฟุต ขึ้นไปจนถึง 15 ฟุตหรืออาจจะยาวกว่านั้นก็ได้ หากว่ามีผู้ที่ผลิตออกมา แต่ที่เห็นก็ไม่น่าจะเกิน 12-15 หากยาวมากไปกว่านั้น ก็จะกลายเป็นคันประเภทอื่น
คันสปริงนิ่งนั้น ส่วนมากแล้วคันที่มี ระดับความยาวไม่เกิน 10 ฟุต จะมีลักษณะการต่อไม่เกินสองท่อน เพราะว่าแต่ล่ะอนจะไม่ยาวจนเกินไป ผู้ที่ผลิตนั้น มักไม่นิยมทำคันออกมามีหลายต่อ เพราะการต่อคันหลายทีนั้นคันเบ็ดจะมีความแข็งแรงด้อยลงไป จึงมักนิยมทำเพียงสองท่อนเท่านั้น แม้แต่ความยาวฟุตก็ยังทำเพียงสองท่อนเท่านั้น
การใช้งานของคันสปินนิ่งนั้น สามารถใช้งานตกปลาได้แทบทุกประเภท หรือพูดได้เต็มปากว่าตกปลาได้ทุกประเภทจะดีกว่า
เนื่องจากคันสปินนิ่งมีทั้งขนาดความยาวมากมาย ค้นที่ยาวไม่เกิน 5 ฟุต ให้เลือกความอ่อนแอแข็งแยกแยะกันไปอีกเช่นกัน คันสั่นเล็กเหมาะสำหรับที่จะใช้งานการตกปลาในเขตที่มีพื้นที่แคบ บ่อไม่กว้างนักการขว้างเหยื่อไม่น่าจะเกิน 30 เมตร เนื่องจากเป็นคันที่มีขนาดเล็ก จึงไม่เหมาะที่จะตกปลาที่มีขนาดใหญ่แต่ถ้ากาดว่าในขณะที่ตกอยู่หากใหญ่มากิน ก็ต้องใช้ความสามารถกันหน่อยแต่ก็ใช้อัดปลาได้
คันที่มีความยาว 7 ฟุต เหมาะที่จะใช้ ตกปลาในขนาดพื้นที่ปานกลาง ไม่ใหญ่มากนัก น้ำหนักการเหวี่ยงเหยื่อไม่มาก ความแข็งหรืออ่อนแล้วแต่ที่ผลิตมาการเลือกควรเลือกขนาดความแข็งแรง อย่างเลือกค้นที่แข็งมากเกินไป นอกเสียจาก ต้องการใช้งานหนักจริงๆ เท่านั้น
คันขนาดนี้นับว่าเป็นจัดอยู่ระดับเล็กถึงปานกลาง
คันที่มีขนาดความยาวตั้งแต่ 8-10 ฟุต จัดอยู่ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างใหญ่ การตกปลานั้นจึงตกบ่อใหญ่ใหญ่และอัดปลาใหญ่ได้สบาย เหมาะกับการติดรอกที่มีขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน ความเหมาะสมในการใช้สาย ก็คือ 12-25 ปอนด์ หรืออาจจะมากกว่านั้น
คันที่มีความยาวตั้งแต่ 10 ฟุตขึ้นไปจัดได้ว่าเป็นคันเบ็ดที่อยู่ในขั้นหนัก ถ้าเปรียบกับนักมวยก็อยู่ในระดับ แบนตั้มเวท คันประเภทนี้เหมาะที่สุดก็คือการตกปลาชายฝั่งที่มีบริเวณกว้างๆ ต้องการการเหวี่ยงเหยื่อที่มีระยะไกลๆ น้ำหนักเหยื่อก็สามารถที่จะแบกได้มาก สามารถที่จะใช้สายขนาดใหญ่ได้ การใช้รอกก็ควรให้พอดีกับคัน
คันประเภทนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมในบ้านเมืองเรา แต่ต่างประเทศนั้นมีการตกปลาชายฝั่งทะเลกันมาก เพราะว่าภูมิประทศทางบ้านเมืองเขาเหมาะกับการตกปลาชายฝั่งทะเลมากกว่าของ เรา คันเบ็ดขนาดนี้จึงได้รับความนิยมพอสมควรบ้านเราแถบชายฝั่งทะเลก็มีตกกัน บ้าง แต่ไม่ใช้ใหญ่ขนาดนี้ ที่เห็นๆ ก็ประมาณ 2 ฟุตเต็มที่
มีคันเบ็ดอีกประเภทหนึ่งที่มีราคาถูก เรียกว่าคันเสาอากาศ เป็นที่นิยมของเหล่าบรรดามือใหม่ๆ เด็กๆ และเหมาะที่จะใส่กระเป๋าได้สะดวก แต่ข้อเสียก็คือคันเบ็ดชนิดนี้มีความแข็งแรงน้อยมาก เนื่องจากมีการต่อหลายข้อ การผลิตจึงต้องทำเนื้อให้มีความบางเพื่อที่จะได้ดึงเข้าดึงออกได้สะดวก จึงไม่สามารถที่จะทำให้หนาได้
สมัยนี้มีผู้ที่ผลิตคันที่มีความตันเรียกกันว่าคันตัน มีความเหมาะสมในการตกปลาที่มีน้ำหนักตัวมากๆ ส่วนมากจะไม่ทำยาวมากนัก คันพวกนี้เหมาะที่จะตกปลาตามแนวสะพาน ตอหม้อหรือการจอดตกบนเรือ
คันเบทคาสติ้ง
คัน เบทนี้ มักเป็นที่นิยมกันในบรรดาพวกมือเบท มีคำพูดที่ว่า หากว่าตกปลาด้วยเบทแล้ว มักจะไม่หันกลับมาใช้สปินนิ่งอีกเลย ความเป็นจริงอย่างไรไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่ถูกต้องน่าจะเป็นความถนัดในการใช้มากกว่า
คันเบทเป็นคันเบ็ดประเภททีออกแบบได้สวยงาม ไม่ว่รจะเป็นสีสัน ลายไดด์หรือการจัดเรียงลายไกด์ที่ได้ความเหมาะสม ไกด์ของคันเบทคาสติ้ง จะต่างกับคันสปินนิ่งตรงที่ว่าขนาดจะเรียงกัน ตัวล่างสุดจะไม่ใหญ่เหมือนสปินนิ่ง กลับเล็กและไล่ขนาดได้เรียบร้อย
คันเบทคาสติ้งนั้นเป็นคันที่มีราคาค่อนข้างแพง มีราคาหลักหลายพัน เพราะการทำคันนั้นทางผู้ผลิตเองบอกว่าใช้วัสดุดีจึงต้องขายในราคาแพง
ความยาวของคันเบทคาสติ้งนั้นดูเหมือนจะมีให้เลือกกันตั้งแต่ 7 ฟุตขึ้นไป
การใช้สายขึ้นอยู่กับการระบุที่ข้างคันเบ็ด ใช้ตกปลาได้ทุกประเภท การใช้เมื่อประกอบกับรอกแล้ว ค่อนข้างจะใช้ยากอยู่สักหน่อย ต้องใช้เวลาการฝึกตีอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อคล่องแล้วจะเกิดความคล่องตัวขึ้นเอง
สรุปแล้วคันเบทคาสติ้งนั้นไม่แตกต่างจากสปินนิ่ง มากนัก แต่ถ้าให้เปรียบเทียบในเรื่องของความสวยงามแล้วคันเบทคาสติ้งมีความเพรียว สวยกว่าคันสปินนิ่งเป็นแน่ แต่ก็เป็นเรื่องของใจด้วยอีกนั่นแหละ
คันทรอลิ่ง
คัน เบ็ดประเภทนี้เป็นคันระดับหนัก ใช้ตกปลาทะเลโดยเฉพาะ แต่ก็มีบางท่านำเอามาตกปลาน้ำจืดที่มีพละกำลังมากๆ เช่นปลากดแก้ว คันทรอลิ่งนั้นเป็นคันเบ็ดที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเกมการตกปลาทะเล โดยการลากไปกับเรือในความเร็วช้าๆ เรื่อยๆ จนกว่าจะมีปลามากินเหยื่อ โดยเหยื่อที่ใช้นั้นมีทั้งเหยื่อปลอมและเหยื่อเป็น
ความยาวของคันทรอลิ่งนั้นจะยาวตั้งแต่ 6 ฟุตขึ้นไป แต่จะไม่เกิน 8 ฟุต เพราะจะไม่สะดวกในการตกบนเรือ คันทรอลิ่งนั้นสามารถถอดได้เป็นส่องท่อนการที่จะถอดนั้นจะสามารถถอดได้ตรง เหนือด้ามจับขึ้นมา โดยจะมีเกลียวและตัวบังคับอยู่บริเวณมือจับนั่นเอง
คันทรอลิ่งนั้นจะต้องประกอบกับรอกขนาดใหญ่ที่เรียกว่ารอกทริลิ่งด้วยเช่น เดียวกัน ขนาดนั้นขึ้นอยู่กับ อันที่จริงแล้วรอกทรอลิ่งก็คือรอกเบทเรานี่เอง แต่ขนาดใหญ่เกินจาก 2 โอ ตามที่เรียกกัน ก็ถือว่าเป็นทรอลิ่ง
คันทรอลิ่งนั้นมีความแข็งแรงทางเป็นพิเศษ มีให้เลือกทั้งคันตันและคันกลวง คันกลวงนั้นจะมีน้ำหนักเบากว่า แต่ความแข็งแรงมักจะสู้คันที่ต้นไม้ได้ มีให้เลือกหลายแบบหลายขนาด ตั้งแต่ 20 ปอนด์ ไปจนถึงเป็นร้อยๆ ปอนด์
ลวดลายของการพันไกด์บนคันเบ็ดทรอลิ่งนั้น ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของคันอีกอย่างหนึ่งก็ได้ เจ้าของคันเบ็ดมักจะว่าจ้างพันลายไกด์เป็นราคาที่แพงมากเรียกว่าการบิ๊วคัน ใหม่เพื่อประชันความงามบนคันเบ็ด ก็เป็นการสร้างรายได้อย่างงามอีกอย่างหนึ่งสำหรับผู้มีฝีมือ
คันโบ๊คร๊อก
คันเบ็ดประเภทนี้ก็เป็นคันเบ็ดที่ใช้ตก ได้ทั้งทะเลและน้ำจืด เป็นคันท่อนเดียวไม่มีการต่อความยาวจะยางตั้งแต่ 5½ ฟุตขึ้นไปแต่ไม่เกิน 7 ½ ฟุต หากว่ายาวกกว่านั้นแล้วก็นำเอาไปใช้จะไม่สะดวก จึงนิยมทำมาเคยยาวยาวที่กำหนดให้
คันประเภทนี้นอกจากจะแข็งแรงแล้ว ยังทนทางอีกด้วย หากเป็นคันที่ตันแล้วใช้เป็นไม่ตีสุ
ได้เลย ผู้เขียนเองเคยซื้อคันประเภทนี้มาใช้คันหนึ่ง มีความแข็งมาก เอาลูกมะพร้าวลูกใหญ่ๆ แล้วข้างได้เลย
คันเบ็ดโบ๊คร๊อกนี้ มีการสร้างเหมือนกับคันทรอลิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ไกด์ ลายด้ามจับ หากจะผิดกันก็ตรงที่ถอดไม่ได้เท่านั้นเอง
การใช้ก็ใช้ทรอลิ่งได้ดีเหมือนกับการทรอลิ่งอาจจะแข็งแรงกว่าเวลาอัดปลาไม่ ต้องกังวลเรื่องข้อต่อจะหลุดหรือคลอนได้ เหมาะมากกับการอัดปลาที่มีขนาดใหญ่เรื่องของขนาดนั้นก็มีให้เลือกหลายขนาด เช่นกัน มือเบ็ดทะเลควรที่จะมีเอาไว้สักคันหนึ่ง
คันฟลาย FLY ROD
คันเบ็ดชนิดนี้ ได้รับความนิยมในการตกปลาในเมืองไทยมากนัก เพราะลักษณะในการตกปลาของเมืองเราต่างกันเมืองนอกมาก คันประเภทนี้เป็นคัดเบ็ดที่ออกแบบมาพิเศษให้ใช้ได้กับรอกฟลายเท่านั้น จึงจะตกปลาได้ดี และมีประสิทธิภาพ จากการทดลองอามาตกปลากับรอกชนิดอื่นแล้วดูไม่เหมาะสมและไม่ได้ผลดีเลย
คันฟลายนั้นออกแบบมาให้ส่วนของคันเบ็ดอ่อนมาก เพื่อที่จะได้ส่งเหยื่อและสายเบ็ดออกไปได้สะดวกขึ้นน้ำหนักของสายก็มี น้ำหนักเบา อีกทั้งเหยื่อนั้นก็เป็นชนิดที่เบามาก เหยื่อนั้นจะเป็นจำพวกแมลง หรือเหยื่อปลอมที่ทำเลียนแบบแมลงแต่มีความแตกต่างไม่แพ้กัน
เมื่อดูรูปร่างลักษณะของคันเบ็ดฟลายแล้ว หลายคนที่ไม่สันทัด เรื่องคันเบ็ดจะคิดว่าเป็นคันเบ็ดสปิ่นนิ่งได้ เพราะความแตกต่างกันไม่มากเท่าไรนัก จะสังเกตได้ตรงที่วาคันเบ็ดฟลายนั้น มีด้ามสำหรับจับด้านบนเท่านั้น ไม่มีด้ามจับด้านล่างคือมีแค่ด้ามจับด้านบนต่อลงมาคือที่ยึดขารอกฟลาย REEL SEAT
ในลักษณะของไกด์ คันเบ็ดฟลายนั้น จะมีวงไกด์วงแหวนที่มีขนาดเล็กกวาคันสปินนิ่งเล็กน้อย ไล่เรียงไป ตลอดทั้งคัน
คันฟลาย เหมาะกับการตกปลาในลำธารน้ำที่ มีความลึกไม่มาก เรียกกว่าสามารถที่จะเดินลุยตกปลาได้ ส่วนมากในเมืองนอกมักจะตกปลาโดยคันเบ็ดฟลายด้วยการเดินไปในลำธารแล้วตี เหยื่อปลอดไปเรื่อยๆ เรียกความสนใจให้ปลาออกมากินเหยื่อ แต่เมืองไทยเรานั้น การตกแบบนั้นหาแทบไม่ได้เลยจะเรียกให้เต็มปากก็ได้ว่า ไม่มีเลย จึง ถือว่าคันประเภทนี้ไม้ได้รับความนิยมนำมาใช้นบ้านเรา แต่การที่จะมีเก็บเอาไว้ก็ไม่แปลกอะไร ส่วนราคาก็มีให้เลือกตั้งแต่หลักร้อยละและหลักพัน มีทั้งถูกและแพง ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุที่นำมาทำนั่นแหละ
คันชิงหลิว
คนเบ็ดชิงหลิวนั้นเป็นคันเบ็ดที่ได้รับ ความนิยมไม่แพ้คันสปินเหมือนกันคิดว่าท่านที่ชอบตกปลาจะต้องอดไม่ได้ที่จะ ต้องมีคันเบ็ดชนิดนี้ติดท้ายรถเอาไว้ คันเบ็ดชิงหลิวนั้นเป็นการเลียนแบบมาจาก ค้นไม้ไผ่เรานี้เอง แต่คันชิงหลิวนั้นสามารถที่จะหดเข้าและดึงออกได้ ความยาวของคันเบ็ดชิงหลิวนั้นมีความยาวแต่ 10 ฟุตขึ้นไป ถึง 15 ฟุตเป็นส่วนมาก
วัสดุที่นำเอามาทำนั้น ส่วนมากจะเป็นประเภทไฟเบอร์กลาส หรือยางยี่ห้ออาจมีวัสดุประเภทแกรไฟร์รวมอยู่ด้วย ซึ่งนั้นก็หมายความว่า ราคาก็จะต้องแพงไปตามกันไปด้วย
คันชิงหลิวเป็นคันเบ็ดที่เหมาะสำหรับที่ จะตกปลาขนาดเล็ก มีน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโล เรียกกันว่าได้ตัวประมาณ 2 กิโล ก้อัดกันอยู่นานกว่าจะเอาขึ้นมาได้ การตกปลาด้วยคันชิงหลิวนั้น ต้องอาศัยใจเย็น หากใจร้อนก็มีหวังไม่ขาดก็คันหัก
ความอ่อนของคันเมื่อตกปลาได้จะโค้งงอได้รูปทรงสวยงาม มองดูแล้วนำหวาดเสียวสำหรับคนดู แต่มันสำหรับคนอัด
โอกาสที่ใช้มักจะเหมาะกับการตกปลาตามบ่อ บึง หรือแนวริมตลิ่งชายฝั่งทั่วไป คันเบ็ดประเภทนี้มีวิธีการตกอยู่ค่อนข้างมากสักหน่อย
คันเบ็ดชิงหลิวนั้นไม่มีการประกอบกับรอกใดๆ เพราะไม่มีที่ยึดขารอก reel seat แม้แต่สายก็ยังคงใช้ผูกที่ปลายคันเบ็ด โดยที่ทางคันเบ็ดนั้นจะทำห่วงมาให้หรือบางทีก็ทำมาเป็นสายสำเร็จที่ปลายคัน เลยก็มี
คันเบ็ดชิงหลิวนั้นจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อนำเอามาประกอบกับทุ่นชิงหลิว ซึ่งเป็นทุ่นที่ผลิตออกมาคู่กับคันเบ็ดโดยเฉพาะ
สายที่ใช้นั้นไม่ควรที่จะเป็นสายใหญ่จนเกินไป สายที่เหมาะสมควรมีขนาดไม่เกิน 15 ปอนด์เป็นอย่างมาก
คันเบ็ดราคาเท่าไรจะอยู่ที่อะไรกัน
1.วัสดุที่นำมาทำแบงค์
2.แอคชั่นของคัน(รูปแบบการโค้งของคัน-ไม่ใช้ความแข็งแบบที่หลายๆท่านเข้าใจ)
3.เซ้นต์ซิทิวิตี้ คือการส่งแรงสะเทือนมาที่ตัวคัน
ข้อแรกคงคุ้นเคยดีนะครับว่า ชนิดไหนถูกแพงกว่ากันและยังมีระดับราคาแยกย่อยอีกต่างหาก
ข้อสองนี้บ่งบอกราคาได้มากที่สุด คันเบ็ดความโค้งของคันจะแบ่งได้4ระดับ คือ SLOW_MODERATE_FAST และExtarFAST คันระดับFASTจะมีจุดเริ่มโค้งที่1/3ของคัน หมายความว่าจะเริ่่มโโค้งจากปลายมาหาโค้นคันแค่1ใน3เท่านั้น ส่วนEx จะโค้งได้แค่1/4 ทั้งสองแบบออกแบบได้ยากมากกว่า2แบบแรก เพราะถ้าเป็นแบบSlow จะโค้งทั้งคันแบบชิงหลิวหรือคันฟลายสามารถคำนวนได้ง่ายกว่า
ข้อที่สามคนใช้เหยื่อปลอมจะต้องสนใจมากที่สุด ข้อนี้จากประสพการทำคันเบ็ดมานานปีจะต้องรวมกันทั้งแบงค์ที่ดี อุปกรณ์ที่ประกอบคันแล้ววิธีทำ ถ้าช่างทำไม่เข้าใจในส่วนนี้จะส่งผลกับคันเป็นอย่างมาก
องค์ประกอบทั้งหมดนี้คงพอจะบอกเราได้ว่าคันแพงๆมันควรจะแพงจริงหรือไม่ แบงค์ที่ดีไม่จำเป็นต้องหนานะครับถ้าออกแบบมาดีพอ ได้Actionที่ต้องการ ได้Powerที่เหมาะสมกับสายที่ใช้ และSensitivetyที่ดี อุปกรณ์ประกอบอื่นๆที่ถูกใจ
ขั้นตอนการทำคันบ็ดแรกที่เดียว เขาจะนำแผ่นกราไฟท์(ที่โรงงานจะมีห้องเก็บที่อุณหภูมิ4-6ํC) เป็นม้วนๆเหมือนม้วนผ้ามีมากกว่า20ชนิดตามแต่ลูกค้าต้องการ เขาจะนำม้วนกราไฟท์มาตัดเป็นรูปตามที่ได้ออกแบบไว้ ส่วนมากจะเป็นแบบหลายๆแผ่นซ้อนกันแล้วม้วนเข้ากับแกนสแตนเลสที่เรียกว่าหางหนู ในขั้นตอนนี้ถ้าออกแบบมาดีคันจะมีน้ำหนักเบา และรับแรงได้ตามที่คำนวนไว้
คันเบ็ดที่บ้านเราเอามายกลูกเหล็กกันนั้น ที่โรงงานก็มีการทำเช่นกันเป็นการทดสอบว่าคันเบ็ดรับน้ำหนักได้จริงหรือไม่ ปรกติคันที่ออกจากโรงงานมีชื่อเสียงจะลงค่าการรับน้ำหนักมาแค่75% กล่าวคือถ้าคันรับได้7.5 กิโลกรัม จะรับน้ำหนักจริงได้ถึง10กิโลกรัม ที่ทำเช่นนั้นก็เพราะต้องการไม่ให้เกิดการเสียหายกับคันเบ็ด และถ้านำไปจำหน่ายในประเทศที่เจริญแล้วจะไม่ถูกเขาฟ้องร้องหรือห้ามนำเข้ามาขาย เพราะคันไม่มีคุณสมบัติตามที่พิมพ์ไว้บนตัวคัน
ในบ้านเรานิยมลดต้นทุนโดยการสั่งให้โรงงานผลิตสอดใส้ไฟเบอร์กลาสไว้ด้านใน โดยนำกราไฟท์มาหุ้มผิวด้านนอกส่วนลายที่เราเห็นด้านนอกโรงงานสามารถทำได้ทุกลาย จึงไม่อยากที่จะให้ไปสนใจมันมากนัก คันเบ็ดพวกนี้ที่จริงนิยมไปใช้กับงานทะเลเป็นส่วนมากเพราะเหมาะสมกับการลากเหยื่อบนเรือเป็นที่สุด เมื่อนำมาใช้งานตามบ่อตกปลาแม่น้ำหรืออ่างเก็บน้ำ อะไรจะเกิดขึ้น what
เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าคันและรอกทำงานร่วมกันอย่างไร แรกที่ปลากินเบ็ดแล้วลากสายออกไปนั้นสายเอ็นจะยืดตัวตามแรงดึงของปลาเมื่อยืดจนสุดแล้วคันเบ็ดจะทำหน้าที่ เบรค สายไว้ด้วยแอคชั่น-ACTION(การโค้งตัวของคันเบ็ด)บวกด้วยพาว์เวอร์-POWER(ความแข็งของคันเบ็ด) และถ้ายังหยุดปลาไม่ได้ก็จะมาถึงหน้าที่ของเบรคที่ตัวรอก
คันที่เรากล่าวถึงในตอนนี้ตัวคันจะโค้งงอไปตามแรงดึง ความแข็งของคันค่อนข้างน้อย แต่!!!!!!!ที่เราท่านชื่นชอบกันนักก็คือมันงอครับแต่มันไม่ยอมหัก ถ้าท่านสังเกตุตามหน้าหนังสือที่ทดสอบคันโชว์ จะเห็นได้ว่าจุดที่สูงที่สุดของคันเมื่อเรางัดคันขึ้น จะมีจากความยาวของด้ามคันไปถึงจุดนั้นจะยาวเพียง1/3-1/4ของความยาวคันทั้งหมด ซึ่งปลายคันที่เหลือจะไม่มีส่วนในการสู้ปลาเลย ที่กล่าวมาปัจจุบันเราเรียกกันว่าคัน จิ๊กกิ้ง นี่แหละครับ คันจะโค้งเป็นรูปตัว C เลยหรือดูแล้วเหมือนตัว U กลับหัว คันประเภทนี้จะมีแอคชั่นเป็นแบบ SLOW คือมันจะไม่ช่วยเบรคสายผ่อนแรงได้เลย ดีหน่อยก็ทำให้คันมันแข็งขึ้นงอลงไปได้ยากขึ้น ดังนั้นภาระทั้งหมดจะมาลงอยู่ที่สายและเบรคของรอกทั้งหมด
ขอเสริมข้อมูลเรื่องของวัตถุดิบในการผลิตคันเบ็ดนิดนึงคับ อย่างเช่น
- IM6 ภาษาของโรงงานจะเรียก 30T โมดูลัคแบบคราวๆคือ 38ล้านโมดูลัค
- IM7 จะเรียก 40T ประมาณ 42ล้านโมดูลัค
- IM8 จะเรียก 48T ประมาณ 47ล้านโมดูลัค
โมดูลัคคือ จำนวนเส้นใยที่ถักทอขึ้นมาเป็นแผ่นกราไฟท์ ที่ไว้ใช้ม้วนทำคันเบ็ด
ส่วนพวกคันลายผ้า คือการนำกราไฟท์ที่ม้วนขึ้นรูปเสร็จแล้วนำมาห่อด้วยตาข่ายกราไฟท์(WOVEN) ที่นิยมทำกันมี 2ลาย คือ 1K และ 3K ราคา 1K จะแพงกว่าคับ(จะเห็นในคันระดับไฮเอน) เมื่อพันด้วยตาข่ายเสร็จ ทางโรงงานจะมาทำการWrapด้วยEpoxyอีกครั้ง เสร็จเป็นแบงค์ขึ้นมา ก่อเข้าสู่กระบวนการประกอบPartต่างๆ เป็นคันเบ็ดให้เราได้ใช้งานกันคับ
ในเรื่องของการเลือกคันในความคิดของผม จะตรวจดูในหลายๆเรื่องดังนี้คับ
- กระดูกคันเบ็ด ถ้าได้กระดูคันที่ตรงก็จะได้เพาเวอร์ของคันที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
- ไกด์วางตรงรึเปล่า
- งานพันและเคลือบด้ายที่โคนไกด์ เรียบร้อยดีหรือไม่
- ส่วนของด้าม จะเอามือจับรีลซีทแล้วหมุนหรือขยับแรงๆว่ายึดติดมั่นคงดีรึเปล่า
- ด้ามมีรูหรือตำหนิไหม
- สังเกตุที่ปลายคันเบ็ดมีคดรึเปล่า
โมดูลัคยิ่งมีค่าสูงเท่าไร คันจะเบาและกระด้างจึงสามารถตีเหยื่อออกไปได้ดีมากขึ้น แต่คันแบบนี้จะมีโอกาสแตกหักได้ง่ายกว่าคันที่มีค่าต่ำกว่าถ้าใช้งานเกินกำลัง โดยมากจะเห็นในคันตีเหยื่อปลอมเป็นส่วนมากที่ผลิตคันที่มีค่าโมดูลัคสูงๆครับ
บนคันเบ็ดบอกอะไรเรา
1.ความยาว เป็นฟุตหรือเป็นเซนติเมตร
2. Power ครับ จะมี 9 ระดับ บอกความแข็งของคันเบ็ด
2.1 Ultra Light -UL
2.2 Extra Light -ExL
2.3 Light -L
2.4 Medium Light -ML
2.5 Medium -M
2.6 Medium Heavy -MH
2.7 Heavy -H
2.8 Extra Heavy -ExH
2.9 Ultra Heavy -UH
3. ACTION บอกรูปแบบความโค้งของคัน
3.1 SLOW จะโค้งทั้งคันแบบคัน FLY คันชิงหลิว
3.2 Moderate จุดเริ่มโค้งที่ครึ่งคันหรือ1/2 ของคันเบ็ด
3.3 Fast จะเริ่มโค้งที่ 1/3 ของคันเบ็ด
3.4 Extra Fast จะเริ่มโค้งที่ 1/4 ของคันเบ็ด
4. Line บอกขนาดสายเอ็นที่แนะนำ
5. weight น้ำหนักเหยื่อที่เหมาะสม
ชนิดของคันเบ็ด (Types of Fishing Rods)
1. คันไม้ไผ่ สมัยเก่า มีหลายขนาด
2. ค้นสปินนิ่ง
3. คันเบทคาสติ้ง
4. คันทอลลิ่ง
5. คันโบตร๊อค
6. คันฟราย
7. คันชิงหลิว
ที่กล่าวมานี้เป็นการเรียกชื่อของแต่ละชนิดของคันเบ็ดที่เห็นกันอยู่ทั่วไป เรามาลองดูซิว่าในแต่ละคันนั้นมีความเป็นพิเศษกันและการใช้อยู่ตรงไหนบ้าง
คันไม้ไผ่
คันเบ็ดอันนี้ คงเป็นที่รู้จักกันดีในวงการตกปลา เรพาะเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า การใช้งานนั้น ก็ใช้ตกปลาได้ทุกชนิด ขนาดก็มีให้เลือกมากขนาด หากวาจะใช้ก็ควรที่จะเลือกให้ถูกกับการตกปลา ปลาเล็กควรเลือกใช้คันที่ปลายอ่อนสักหน่อย เช่น การตกปลาตะเพียนนั้นควรเลือกคนที่ปลายอ่อนแต่ความยานนั้นไม่ควรที่จะต่ำ กว่า 10 ฟุต เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการตกปลาด้อยลงไป ในด้านการที่จะหย่อนสายหรือส่งเหยื่อให้ไกลออกไปในแนวตลิ่งชายฝั่งเพื่อไม่ ให้ปลาเกิดความระแวงมาก
หากจะตกปลาใหญ่เช่นปลาช่อนให้เลือกใช้คันที่มีขนาดใหญ่ ส่วนมากคันเบ็ดที่ใช้ตกปลาช่อนนั้นจะมีการคัดมาเป็นพิเศษ จะมีวางชายกันอยู่ทั่วไปตามร้านขายเครื่องมือประมงแบบเก่า อย่าไปหาซื้อตามร้านอุปกรณ์สมัยใหม่เข้าละ
ค้นไม้ไผ่นั้นเหมาะแก่การตกปลาแบบจำกัด อย่างเช่นปลาสวายหรือปลาที่มีขนาดใหญ่หลายๆ กิโลก็ไม่สะดวกในการที่จะตกปลา แต่จริงๆ แล้วก็ตกได้ ขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้ตกเอง
คันสปริงนิ่ง
อันนี้เป็นที่คุ้นเคยมากต่อบรรดาเซียน ทั้งหลาย คันชนิดนี้ มีหลายขนาดตั้งแต่เล็กไปจนใหญ่ สั้นยาว ระดับความยาวนั้น มีตังแต่ 5 ฟุต ขึ้นไปจนถึง 15 ฟุตหรืออาจจะยาวกว่านั้นก็ได้ หากว่ามีผู้ที่ผลิตออกมา แต่ที่เห็นก็ไม่น่าจะเกิน 12-15 หากยาวมากไปกว่านั้น ก็จะกลายเป็นคันประเภทอื่น
คันสปริงนิ่งนั้น ส่วนมากแล้วคันที่มี ระดับความยาวไม่เกิน 10 ฟุต จะมีลักษณะการต่อไม่เกินสองท่อน เพราะว่าแต่ล่ะอนจะไม่ยาวจนเกินไป ผู้ที่ผลิตนั้น มักไม่นิยมทำคันออกมามีหลายต่อ เพราะการต่อคันหลายทีนั้นคันเบ็ดจะมีความแข็งแรงด้อยลงไป จึงมักนิยมทำเพียงสองท่อนเท่านั้น แม้แต่ความยาวฟุตก็ยังทำเพียงสองท่อนเท่านั้น
การใช้งานของคันสปินนิ่งนั้น สามารถใช้งานตกปลาได้แทบทุกประเภท หรือพูดได้เต็มปากว่าตกปลาได้ทุกประเภทจะดีกว่า
เนื่องจากคันสปินนิ่งมีทั้งขนาดความยาวมากมาย ค้นที่ยาวไม่เกิน 5 ฟุต ให้เลือกความอ่อนแอแข็งแยกแยะกันไปอีกเช่นกัน คันสั่นเล็กเหมาะสำหรับที่จะใช้งานการตกปลาในเขตที่มีพื้นที่แคบ บ่อไม่กว้างนักการขว้างเหยื่อไม่น่าจะเกิน 30 เมตร เนื่องจากเป็นคันที่มีขนาดเล็ก จึงไม่เหมาะที่จะตกปลาที่มีขนาดใหญ่แต่ถ้ากาดว่าในขณะที่ตกอยู่หากใหญ่มากิน ก็ต้องใช้ความสามารถกันหน่อยแต่ก็ใช้อัดปลาได้
คันที่มีความยาว 7 ฟุต เหมาะที่จะใช้ ตกปลาในขนาดพื้นที่ปานกลาง ไม่ใหญ่มากนัก น้ำหนักการเหวี่ยงเหยื่อไม่มาก ความแข็งหรืออ่อนแล้วแต่ที่ผลิตมาการเลือกควรเลือกขนาดความแข็งแรง อย่างเลือกค้นที่แข็งมากเกินไป นอกเสียจาก ต้องการใช้งานหนักจริงๆ เท่านั้น
คันขนาดนี้นับว่าเป็นจัดอยู่ระดับเล็กถึงปานกลาง
คันที่มีขนาดความยาวตั้งแต่ 8-10 ฟุต จัดอยู่ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างใหญ่ การตกปลานั้นจึงตกบ่อใหญ่ใหญ่และอัดปลาใหญ่ได้สบาย เหมาะกับการติดรอกที่มีขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน ความเหมาะสมในการใช้สาย ก็คือ 12-25 ปอนด์ หรืออาจจะมากกว่านั้น
คันที่มีความยาวตั้งแต่ 10 ฟุตขึ้นไปจัดได้ว่าเป็นคันเบ็ดที่อยู่ในขั้นหนัก ถ้าเปรียบกับนักมวยก็อยู่ในระดับ แบนตั้มเวท คันประเภทนี้เหมาะที่สุดก็คือการตกปลาชายฝั่งที่มีบริเวณกว้างๆ ต้องการการเหวี่ยงเหยื่อที่มีระยะไกลๆ น้ำหนักเหยื่อก็สามารถที่จะแบกได้มาก สามารถที่จะใช้สายขนาดใหญ่ได้ การใช้รอกก็ควรให้พอดีกับคัน
คันประเภทนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมในบ้านเมืองเรา แต่ต่างประเทศนั้นมีการตกปลาชายฝั่งทะเลกันมาก เพราะว่าภูมิประทศทางบ้านเมืองเขาเหมาะกับการตกปลาชายฝั่งทะเลมากกว่าของ เรา คันเบ็ดขนาดนี้จึงได้รับความนิยมพอสมควรบ้านเราแถบชายฝั่งทะเลก็มีตกกัน บ้าง แต่ไม่ใช้ใหญ่ขนาดนี้ ที่เห็นๆ ก็ประมาณ 2 ฟุตเต็มที่
มีคันเบ็ดอีกประเภทหนึ่งที่มีราคาถูก เรียกว่าคันเสาอากาศ เป็นที่นิยมของเหล่าบรรดามือใหม่ๆ เด็กๆ และเหมาะที่จะใส่กระเป๋าได้สะดวก แต่ข้อเสียก็คือคันเบ็ดชนิดนี้มีความแข็งแรงน้อยมาก เนื่องจากมีการต่อหลายข้อ การผลิตจึงต้องทำเนื้อให้มีความบางเพื่อที่จะได้ดึงเข้าดึงออกได้สะดวก จึงไม่สามารถที่จะทำให้หนาได้
สมัยนี้มีผู้ที่ผลิตคันที่มีความตันเรียกกันว่าคันตัน มีความเหมาะสมในการตกปลาที่มีน้ำหนักตัวมากๆ ส่วนมากจะไม่ทำยาวมากนัก คันพวกนี้เหมาะที่จะตกปลาตามแนวสะพาน ตอหม้อหรือการจอดตกบนเรือ
คันเบทคาสติ้ง
คัน เบทนี้ มักเป็นที่นิยมกันในบรรดาพวกมือเบท มีคำพูดที่ว่า หากว่าตกปลาด้วยเบทแล้ว มักจะไม่หันกลับมาใช้สปินนิ่งอีกเลย ความเป็นจริงอย่างไรไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่ถูกต้องน่าจะเป็นความถนัดในการใช้มากกว่า
คันเบทเป็นคันเบ็ดประเภททีออกแบบได้สวยงาม ไม่ว่รจะเป็นสีสัน ลายไดด์หรือการจัดเรียงลายไกด์ที่ได้ความเหมาะสม ไกด์ของคันเบทคาสติ้ง จะต่างกับคันสปินนิ่งตรงที่ว่าขนาดจะเรียงกัน ตัวล่างสุดจะไม่ใหญ่เหมือนสปินนิ่ง กลับเล็กและไล่ขนาดได้เรียบร้อย
คันเบทคาสติ้งนั้นเป็นคันที่มีราคาค่อนข้างแพง มีราคาหลักหลายพัน เพราะการทำคันนั้นทางผู้ผลิตเองบอกว่าใช้วัสดุดีจึงต้องขายในราคาแพง
ความยาวของคันเบทคาสติ้งนั้นดูเหมือนจะมีให้เลือกกันตั้งแต่ 7 ฟุตขึ้นไป
การใช้สายขึ้นอยู่กับการระบุที่ข้างคันเบ็ด ใช้ตกปลาได้ทุกประเภท การใช้เมื่อประกอบกับรอกแล้ว ค่อนข้างจะใช้ยากอยู่สักหน่อย ต้องใช้เวลาการฝึกตีอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อคล่องแล้วจะเกิดความคล่องตัวขึ้นเอง
สรุปแล้วคันเบทคาสติ้งนั้นไม่แตกต่างจากสปินนิ่ง มากนัก แต่ถ้าให้เปรียบเทียบในเรื่องของความสวยงามแล้วคันเบทคาสติ้งมีความเพรียว สวยกว่าคันสปินนิ่งเป็นแน่ แต่ก็เป็นเรื่องของใจด้วยอีกนั่นแหละ
คันทรอลิ่ง
คัน เบ็ดประเภทนี้เป็นคันระดับหนัก ใช้ตกปลาทะเลโดยเฉพาะ แต่ก็มีบางท่านำเอามาตกปลาน้ำจืดที่มีพละกำลังมากๆ เช่นปลากดแก้ว คันทรอลิ่งนั้นเป็นคันเบ็ดที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเกมการตกปลาทะเล โดยการลากไปกับเรือในความเร็วช้าๆ เรื่อยๆ จนกว่าจะมีปลามากินเหยื่อ โดยเหยื่อที่ใช้นั้นมีทั้งเหยื่อปลอมและเหยื่อเป็น
ความยาวของคันทรอลิ่งนั้นจะยาวตั้งแต่ 6 ฟุตขึ้นไป แต่จะไม่เกิน 8 ฟุต เพราะจะไม่สะดวกในการตกบนเรือ คันทรอลิ่งนั้นสามารถถอดได้เป็นส่องท่อนการที่จะถอดนั้นจะสามารถถอดได้ตรง เหนือด้ามจับขึ้นมา โดยจะมีเกลียวและตัวบังคับอยู่บริเวณมือจับนั่นเอง
คันทรอลิ่งนั้นจะต้องประกอบกับรอกขนาดใหญ่ที่เรียกว่ารอกทริลิ่งด้วยเช่น เดียวกัน ขนาดนั้นขึ้นอยู่กับ อันที่จริงแล้วรอกทรอลิ่งก็คือรอกเบทเรานี่เอง แต่ขนาดใหญ่เกินจาก 2 โอ ตามที่เรียกกัน ก็ถือว่าเป็นทรอลิ่ง
คันทรอลิ่งนั้นมีความแข็งแรงทางเป็นพิเศษ มีให้เลือกทั้งคันตันและคันกลวง คันกลวงนั้นจะมีน้ำหนักเบากว่า แต่ความแข็งแรงมักจะสู้คันที่ต้นไม้ได้ มีให้เลือกหลายแบบหลายขนาด ตั้งแต่ 20 ปอนด์ ไปจนถึงเป็นร้อยๆ ปอนด์
ลวดลายของการพันไกด์บนคันเบ็ดทรอลิ่งนั้น ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของคันอีกอย่างหนึ่งก็ได้ เจ้าของคันเบ็ดมักจะว่าจ้างพันลายไกด์เป็นราคาที่แพงมากเรียกว่าการบิ๊วคัน ใหม่เพื่อประชันความงามบนคันเบ็ด ก็เป็นการสร้างรายได้อย่างงามอีกอย่างหนึ่งสำหรับผู้มีฝีมือ
คันโบ๊คร๊อก
คันเบ็ดประเภทนี้ก็เป็นคันเบ็ดที่ใช้ตก ได้ทั้งทะเลและน้ำจืด เป็นคันท่อนเดียวไม่มีการต่อความยาวจะยางตั้งแต่ 5½ ฟุตขึ้นไปแต่ไม่เกิน 7 ½ ฟุต หากว่ายาวกกว่านั้นแล้วก็นำเอาไปใช้จะไม่สะดวก จึงนิยมทำมาเคยยาวยาวที่กำหนดให้
คันประเภทนี้นอกจากจะแข็งแรงแล้ว ยังทนทางอีกด้วย หากเป็นคันที่ตันแล้วใช้เป็นไม่ตีสุ
ได้เลย ผู้เขียนเองเคยซื้อคันประเภทนี้มาใช้คันหนึ่ง มีความแข็งมาก เอาลูกมะพร้าวลูกใหญ่ๆ แล้วข้างได้เลย
คันเบ็ดโบ๊คร๊อกนี้ มีการสร้างเหมือนกับคันทรอลิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ไกด์ ลายด้ามจับ หากจะผิดกันก็ตรงที่ถอดไม่ได้เท่านั้นเอง
การใช้ก็ใช้ทรอลิ่งได้ดีเหมือนกับการทรอลิ่งอาจจะแข็งแรงกว่าเวลาอัดปลาไม่ ต้องกังวลเรื่องข้อต่อจะหลุดหรือคลอนได้ เหมาะมากกับการอัดปลาที่มีขนาดใหญ่เรื่องของขนาดนั้นก็มีให้เลือกหลายขนาด เช่นกัน มือเบ็ดทะเลควรที่จะมีเอาไว้สักคันหนึ่ง
คันฟลาย FLY ROD
คันเบ็ดชนิดนี้ ได้รับความนิยมในการตกปลาในเมืองไทยมากนัก เพราะลักษณะในการตกปลาของเมืองเราต่างกันเมืองนอกมาก คันประเภทนี้เป็นคัดเบ็ดที่ออกแบบมาพิเศษให้ใช้ได้กับรอกฟลายเท่านั้น จึงจะตกปลาได้ดี และมีประสิทธิภาพ จากการทดลองอามาตกปลากับรอกชนิดอื่นแล้วดูไม่เหมาะสมและไม่ได้ผลดีเลย
คันฟลายนั้นออกแบบมาให้ส่วนของคันเบ็ดอ่อนมาก เพื่อที่จะได้ส่งเหยื่อและสายเบ็ดออกไปได้สะดวกขึ้นน้ำหนักของสายก็มี น้ำหนักเบา อีกทั้งเหยื่อนั้นก็เป็นชนิดที่เบามาก เหยื่อนั้นจะเป็นจำพวกแมลง หรือเหยื่อปลอมที่ทำเลียนแบบแมลงแต่มีความแตกต่างไม่แพ้กัน
เมื่อดูรูปร่างลักษณะของคันเบ็ดฟลายแล้ว หลายคนที่ไม่สันทัด เรื่องคันเบ็ดจะคิดว่าเป็นคันเบ็ดสปิ่นนิ่งได้ เพราะความแตกต่างกันไม่มากเท่าไรนัก จะสังเกตได้ตรงที่วาคันเบ็ดฟลายนั้น มีด้ามสำหรับจับด้านบนเท่านั้น ไม่มีด้ามจับด้านล่างคือมีแค่ด้ามจับด้านบนต่อลงมาคือที่ยึดขารอกฟลาย REEL SEAT
ในลักษณะของไกด์ คันเบ็ดฟลายนั้น จะมีวงไกด์วงแหวนที่มีขนาดเล็กกวาคันสปินนิ่งเล็กน้อย ไล่เรียงไป ตลอดทั้งคัน
คันฟลาย เหมาะกับการตกปลาในลำธารน้ำที่ มีความลึกไม่มาก เรียกกว่าสามารถที่จะเดินลุยตกปลาได้ ส่วนมากในเมืองนอกมักจะตกปลาโดยคันเบ็ดฟลายด้วยการเดินไปในลำธารแล้วตี เหยื่อปลอดไปเรื่อยๆ เรียกความสนใจให้ปลาออกมากินเหยื่อ แต่เมืองไทยเรานั้น การตกแบบนั้นหาแทบไม่ได้เลยจะเรียกให้เต็มปากก็ได้ว่า ไม่มีเลย จึง ถือว่าคันประเภทนี้ไม้ได้รับความนิยมนำมาใช้นบ้านเรา แต่การที่จะมีเก็บเอาไว้ก็ไม่แปลกอะไร ส่วนราคาก็มีให้เลือกตั้งแต่หลักร้อยละและหลักพัน มีทั้งถูกและแพง ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุที่นำมาทำนั่นแหละ
คันชิงหลิว
คนเบ็ดชิงหลิวนั้นเป็นคันเบ็ดที่ได้รับ ความนิยมไม่แพ้คันสปินเหมือนกันคิดว่าท่านที่ชอบตกปลาจะต้องอดไม่ได้ที่จะ ต้องมีคันเบ็ดชนิดนี้ติดท้ายรถเอาไว้ คันเบ็ดชิงหลิวนั้นเป็นการเลียนแบบมาจาก ค้นไม้ไผ่เรานี้เอง แต่คันชิงหลิวนั้นสามารถที่จะหดเข้าและดึงออกได้ ความยาวของคันเบ็ดชิงหลิวนั้นมีความยาวแต่ 10 ฟุตขึ้นไป ถึง 15 ฟุตเป็นส่วนมาก
วัสดุที่นำเอามาทำนั้น ส่วนมากจะเป็นประเภทไฟเบอร์กลาส หรือยางยี่ห้ออาจมีวัสดุประเภทแกรไฟร์รวมอยู่ด้วย ซึ่งนั้นก็หมายความว่า ราคาก็จะต้องแพงไปตามกันไปด้วย
คันชิงหลิวเป็นคันเบ็ดที่เหมาะสำหรับที่ จะตกปลาขนาดเล็ก มีน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโล เรียกกันว่าได้ตัวประมาณ 2 กิโล ก้อัดกันอยู่นานกว่าจะเอาขึ้นมาได้ การตกปลาด้วยคันชิงหลิวนั้น ต้องอาศัยใจเย็น หากใจร้อนก็มีหวังไม่ขาดก็คันหัก
ความอ่อนของคันเมื่อตกปลาได้จะโค้งงอได้รูปทรงสวยงาม มองดูแล้วนำหวาดเสียวสำหรับคนดู แต่มันสำหรับคนอัด
โอกาสที่ใช้มักจะเหมาะกับการตกปลาตามบ่อ บึง หรือแนวริมตลิ่งชายฝั่งทั่วไป คันเบ็ดประเภทนี้มีวิธีการตกอยู่ค่อนข้างมากสักหน่อย
คันเบ็ดชิงหลิวนั้นไม่มีการประกอบกับรอกใดๆ เพราะไม่มีที่ยึดขารอก reel seat แม้แต่สายก็ยังคงใช้ผูกที่ปลายคันเบ็ด โดยที่ทางคันเบ็ดนั้นจะทำห่วงมาให้หรือบางทีก็ทำมาเป็นสายสำเร็จที่ปลายคัน เลยก็มี
คันเบ็ดชิงหลิวนั้นจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อนำเอามาประกอบกับทุ่นชิงหลิว ซึ่งเป็นทุ่นที่ผลิตออกมาคู่กับคันเบ็ดโดยเฉพาะ
สายที่ใช้นั้นไม่ควรที่จะเป็นสายใหญ่จนเกินไป สายที่เหมาะสมควรมีขนาดไม่เกิน 15 ปอนด์เป็นอย่างมาก
คันเบ็ดราคาเท่าไรจะอยู่ที่อะไรกัน
1.วัสดุที่นำมาทำแบงค์
2.แอคชั่นของคัน(รูปแบบการโค้งของคัน-ไม่ใช้ความแข็งแบบที่หลายๆท่านเข้าใจ)
3.เซ้นต์ซิทิวิตี้ คือการส่งแรงสะเทือนมาที่ตัวคัน
ข้อแรกคงคุ้นเคยดีนะครับว่า ชนิดไหนถูกแพงกว่ากันและยังมีระดับราคาแยกย่อยอีกต่างหาก
ข้อสองนี้บ่งบอกราคาได้มากที่สุด คันเบ็ดความโค้งของคันจะแบ่งได้4ระดับ คือ SLOW_MODERATE_FAST และExtarFAST คันระดับFASTจะมีจุดเริ่มโค้งที่1/3ของคัน หมายความว่าจะเริ่่มโโค้งจากปลายมาหาโค้นคันแค่1ใน3เท่านั้น ส่วนEx จะโค้งได้แค่1/4 ทั้งสองแบบออกแบบได้ยากมากกว่า2แบบแรก เพราะถ้าเป็นแบบSlow จะโค้งทั้งคันแบบชิงหลิวหรือคันฟลายสามารถคำนวนได้ง่ายกว่า
ข้อที่สามคนใช้เหยื่อปลอมจะต้องสนใจมากที่สุด ข้อนี้จากประสพการทำคันเบ็ดมานานปีจะต้องรวมกันทั้งแบงค์ที่ดี อุปกรณ์ที่ประกอบคันแล้ววิธีทำ ถ้าช่างทำไม่เข้าใจในส่วนนี้จะส่งผลกับคันเป็นอย่างมาก
องค์ประกอบทั้งหมดนี้คงพอจะบอกเราได้ว่าคันแพงๆมันควรจะแพงจริงหรือไม่ แบงค์ที่ดีไม่จำเป็นต้องหนานะครับถ้าออกแบบมาดีพอ ได้Actionที่ต้องการ ได้Powerที่เหมาะสมกับสายที่ใช้ และSensitivetyที่ดี อุปกรณ์ประกอบอื่นๆที่ถูกใจ
ขั้นตอนการทำคันบ็ดแรกที่เดียว เขาจะนำแผ่นกราไฟท์(ที่โรงงานจะมีห้องเก็บที่อุณหภูมิ4-6ํC) เป็นม้วนๆเหมือนม้วนผ้ามีมากกว่า20ชนิดตามแต่ลูกค้าต้องการ เขาจะนำม้วนกราไฟท์มาตัดเป็นรูปตามที่ได้ออกแบบไว้ ส่วนมากจะเป็นแบบหลายๆแผ่นซ้อนกันแล้วม้วนเข้ากับแกนสแตนเลสที่เรียกว่าหางหนู ในขั้นตอนนี้ถ้าออกแบบมาดีคันจะมีน้ำหนักเบา และรับแรงได้ตามที่คำนวนไว้
คันเบ็ดที่บ้านเราเอามายกลูกเหล็กกันนั้น ที่โรงงานก็มีการทำเช่นกันเป็นการทดสอบว่าคันเบ็ดรับน้ำหนักได้จริงหรือไม่ ปรกติคันที่ออกจากโรงงานมีชื่อเสียงจะลงค่าการรับน้ำหนักมาแค่75% กล่าวคือถ้าคันรับได้7.5 กิโลกรัม จะรับน้ำหนักจริงได้ถึง10กิโลกรัม ที่ทำเช่นนั้นก็เพราะต้องการไม่ให้เกิดการเสียหายกับคันเบ็ด และถ้านำไปจำหน่ายในประเทศที่เจริญแล้วจะไม่ถูกเขาฟ้องร้องหรือห้ามนำเข้ามาขาย เพราะคันไม่มีคุณสมบัติตามที่พิมพ์ไว้บนตัวคัน
ในบ้านเรานิยมลดต้นทุนโดยการสั่งให้โรงงานผลิตสอดใส้ไฟเบอร์กลาสไว้ด้านใน โดยนำกราไฟท์มาหุ้มผิวด้านนอกส่วนลายที่เราเห็นด้านนอกโรงงานสามารถทำได้ทุกลาย จึงไม่อยากที่จะให้ไปสนใจมันมากนัก คันเบ็ดพวกนี้ที่จริงนิยมไปใช้กับงานทะเลเป็นส่วนมากเพราะเหมาะสมกับการลากเหยื่อบนเรือเป็นที่สุด เมื่อนำมาใช้งานตามบ่อตกปลาแม่น้ำหรืออ่างเก็บน้ำ อะไรจะเกิดขึ้น what
เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าคันและรอกทำงานร่วมกันอย่างไร แรกที่ปลากินเบ็ดแล้วลากสายออกไปนั้นสายเอ็นจะยืดตัวตามแรงดึงของปลาเมื่อยืดจนสุดแล้วคันเบ็ดจะทำหน้าที่ เบรค สายไว้ด้วยแอคชั่น-ACTION(การโค้งตัวของคันเบ็ด)บวกด้วยพาว์เวอร์-POWER(ความแข็งของคันเบ็ด) และถ้ายังหยุดปลาไม่ได้ก็จะมาถึงหน้าที่ของเบรคที่ตัวรอก
คันที่เรากล่าวถึงในตอนนี้ตัวคันจะโค้งงอไปตามแรงดึง ความแข็งของคันค่อนข้างน้อย แต่!!!!!!!ที่เราท่านชื่นชอบกันนักก็คือมันงอครับแต่มันไม่ยอมหัก ถ้าท่านสังเกตุตามหน้าหนังสือที่ทดสอบคันโชว์ จะเห็นได้ว่าจุดที่สูงที่สุดของคันเมื่อเรางัดคันขึ้น จะมีจากความยาวของด้ามคันไปถึงจุดนั้นจะยาวเพียง1/3-1/4ของความยาวคันทั้งหมด ซึ่งปลายคันที่เหลือจะไม่มีส่วนในการสู้ปลาเลย ที่กล่าวมาปัจจุบันเราเรียกกันว่าคัน จิ๊กกิ้ง นี่แหละครับ คันจะโค้งเป็นรูปตัว C เลยหรือดูแล้วเหมือนตัว U กลับหัว คันประเภทนี้จะมีแอคชั่นเป็นแบบ SLOW คือมันจะไม่ช่วยเบรคสายผ่อนแรงได้เลย ดีหน่อยก็ทำให้คันมันแข็งขึ้นงอลงไปได้ยากขึ้น ดังนั้นภาระทั้งหมดจะมาลงอยู่ที่สายและเบรคของรอกทั้งหมด
ขอเสริมข้อมูลเรื่องของวัตถุดิบในการผลิตคันเบ็ดนิดนึงคับ อย่างเช่น
- IM6 ภาษาของโรงงานจะเรียก 30T โมดูลัคแบบคราวๆคือ 38ล้านโมดูลัค
- IM7 จะเรียก 40T ประมาณ 42ล้านโมดูลัค
- IM8 จะเรียก 48T ประมาณ 47ล้านโมดูลัค
โมดูลัคคือ จำนวนเส้นใยที่ถักทอขึ้นมาเป็นแผ่นกราไฟท์ ที่ไว้ใช้ม้วนทำคันเบ็ด
ส่วนพวกคันลายผ้า คือการนำกราไฟท์ที่ม้วนขึ้นรูปเสร็จแล้วนำมาห่อด้วยตาข่ายกราไฟท์(WOVEN) ที่นิยมทำกันมี 2ลาย คือ 1K และ 3K ราคา 1K จะแพงกว่าคับ(จะเห็นในคันระดับไฮเอน) เมื่อพันด้วยตาข่ายเสร็จ ทางโรงงานจะมาทำการWrapด้วยEpoxyอีกครั้ง เสร็จเป็นแบงค์ขึ้นมา ก่อเข้าสู่กระบวนการประกอบPartต่างๆ เป็นคันเบ็ดให้เราได้ใช้งานกันคับ
ในเรื่องของการเลือกคันในความคิดของผม จะตรวจดูในหลายๆเรื่องดังนี้คับ
- กระดูกคันเบ็ด ถ้าได้กระดูคันที่ตรงก็จะได้เพาเวอร์ของคันที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
- ไกด์วางตรงรึเปล่า
- งานพันและเคลือบด้ายที่โคนไกด์ เรียบร้อยดีหรือไม่
- ส่วนของด้าม จะเอามือจับรีลซีทแล้วหมุนหรือขยับแรงๆว่ายึดติดมั่นคงดีรึเปล่า
- ด้ามมีรูหรือตำหนิไหม
- สังเกตุที่ปลายคันเบ็ดมีคดรึเปล่า
โมดูลัคยิ่งมีค่าสูงเท่าไร คันจะเบาและกระด้างจึงสามารถตีเหยื่อออกไปได้ดีมากขึ้น แต่คันแบบนี้จะมีโอกาสแตกหักได้ง่ายกว่าคันที่มีค่าต่ำกว่าถ้าใช้งานเกินกำลัง โดยมากจะเห็นในคันตีเหยื่อปลอมเป็นส่วนมากที่ผลิตคันที่มีค่าโมดูลัคสูงๆครับ
บนคันเบ็ดบอกอะไรเรา
1.ความยาว เป็นฟุตหรือเป็นเซนติเมตร
2. Power ครับ จะมี 9 ระดับ บอกความแข็งของคันเบ็ด
2.1 Ultra Light -UL
2.2 Extra Light -ExL
2.3 Light -L
2.4 Medium Light -ML
2.5 Medium -M
2.6 Medium Heavy -MH
2.7 Heavy -H
2.8 Extra Heavy -ExH
2.9 Ultra Heavy -UH
3. ACTION บอกรูปแบบความโค้งของคัน
3.1 SLOW จะโค้งทั้งคันแบบคัน FLY คันชิงหลิว
3.2 Moderate จุดเริ่มโค้งที่ครึ่งคันหรือ1/2 ของคันเบ็ด
3.3 Fast จะเริ่มโค้งที่ 1/3 ของคันเบ็ด
3.4 Extra Fast จะเริ่มโค้งที่ 1/4 ของคันเบ็ด
4. Line บอกขนาดสายเอ็นที่แนะนำ
5. weight น้ำหนักเหยื่อที่เหมาะสม
0 ความคิดเห็น: